
“ทำความรู้จักกับไรกระต่าย”
ไรกระต่ายที่พบได้ทั่วไป มี3 ชนิด
1.Ear mite เกิดจาก Psoroptes cuniculi
พบได้ในหูกระต่าย
อาการเด่น : ใบหูหนามาก ช่องหูอักเสบรุนแรง คันและเกาหู บางรายแสดงอาการหัวเอียง
2.Fur mite เกิดจาก Cheyletiella parasitovorax และ Listrophorus gibbus
พบได้ที่ผิวหนังของกระต่าย
อาการเด่น : ขนร่วงที่หลังคอ มีสะเก็ดรังแคตามเส้นขน กรณีที่กระต่ายขนสีเข้มจะเห็นเป็นจุดสีขาว คันและเกา
3.Burrowing mite เกิดจาก Sarcoptes scabiel และ Notoedres cati
พบไ้ด้ที่ผิวหนังของกระต่าย
อาการเด่น : ผิวหนังหนาตัวเป็นสะเก็ด บริเวณโคนเล็บ ใบหู จมูกจะหนาตัวยาวเป็นพินอคคิโอ คันและเกา ผิวหนังอักเสบ
ไรกระต่ายที่พบได้ทั่วไป มี3 ชนิด
1.Ear mite เกิดจาก Psoroptes cuniculi
พบได้ในหูกระต่าย
อาการเด่น : ใบหูหนามาก ช่องหูอักเสบรุนแรง คันและเกาหู บางรายแสดงอาการหัวเอียง
2.Fur mite เกิดจาก Cheyletiella parasitovorax และ Listrophorus gibbus
พบได้ที่ผิวหนังของกระต่าย
อาการเด่น : ขนร่วงที่หลังคอ มีสะเก็ดรังแคตามเส้นขน กรณีที่กระต่ายขนสีเข้มจะเห็นเป็นจุดสีขาว คันและเกา
3.Burrowing mite เกิดจาก Sarcoptes scabiel และ Notoedres cati
พบไ้ด้ที่ผิวหนังของกระต่าย
อาการเด่น : ผิวหนังหนาตัวเป็นสะเก็ด บริเวณโคนเล็บ ใบหู จมูกจะหนาตัวยาวเป็นพินอคคิโอ คันและเกา ผิวหนังอักเสบ
*ไรจะเป็นปัญหาแรกที่ทำให้กระต่ายเกิดอาการคันและเกาจนติดเชื้อแบคทีเรียและทำให้กระต่ายเกิดอาการติดเชื้อรุนแรงได้
*การตรวจรักษาทำได้โดย การส่องตรวจด้วยกล้อง Otoscopeในหูกระต่าย การขูดตรวจผิวหนังหรือการทำการแปะตรวจผิวหนัง โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ เมื่อพบสาเหตุของการเกิดปัญหาคุณหมอทำการจ่ายยา โดยใช้ระยะเวลา 2-4 สัปดาห์ในการรักษา ยกเว้น กรณีการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราร่วมด้วย อาจใช้เวลาในการรักษานานขึ้น
*การป้องกันทำได้โดยรักษาความสะอาดของที่อยู่อาศัย หญ้าที่ให้กระต่ายกินต้องคุณภาพดี และการพากระต่ายมาตรวจสุขภาพเป็นประจำทุก 6 เดือน
Nut Guyson DVM
Premier Pet Hospital
Cr. http://www.medirabbit.com/EN/Skin_diseases/Skin_diseases_main.htm